ถ้ำแนวดิ่ง Vertical Cave, Laichingen Tiefenhöhle, Germany

ไม่ว่าจะชอบประวัติศาตร์หรือชอบผจญภัย การมาเยี่ยมชมถ้ำที่มากมายหลายแห่งหนในเยอรมันนี เป็นเรื่องที่อยากแนะนำค่ะ ที่ Tiefenhöhle at Laichingen ใกล้เมืองอูล์มห่างจากมิวนิกขับรถแค่ชั่วโมงเดียว

ความพิเศษของถ้ำเทียเฟ่นฮูเล่ คือความดิ่งชันที่เราต้องเกาะกะไดเย็นๆเปียกๆทางแคบๆลงไปกว่า 55 เมตร อากสเย็นๆชื้นๆประมาณ 8องศา เข่าที่สั่นจึงไม่กล้าฟันธงว่าอาการหนาวหรืออาการเข่าอ่อน 55..  ถ้ำส่วนมากเป็นทางราบเป็นท้องถ้ำอย่างหลายๆถ้ำที่เห็นที่เมืองไทย (แต่เพิ่งนึกได้ถ้ำแม่ออนที่เชียงใหม่ก็เป็นถ้ำแนวดิ่งที่ปัจจุบันเจ้าหน้าที่ทำบรรไดทางเดินกว้างเป็นเมตรให้เดินไป )แต่ถ้ำที่เยอรมันนีเขาอนุรักษ์ให้เป็นธรรมชาติและสถานที่เพื่อเรียนรู้ให้แก่เยาวชนและผู้สนใจ ดังนั้น ความปลอดภัยมาก่อนเพื่อการท่องเที่ยวแน่นอน สิ่งอำนวยความสะดวก มีถุงหน้าแข้งป้องการการกระแทกกับบันไดเหล็ก ไฟส่องสว่าง บรรได ราวจับที่มั่นคงแข็งแรงและตู้ข้อมูลอัตโนมัติให้โดยไม่ต้องใช้ไกด์นำทาง สี่ภาษาแน่ะ

บริเวณนี้เคยเป็นเขตขุดเจาะทราย การค้นพบเพราะความบังเอิญว่าทรายหายไปเป็นหลุมยุบ ชาวบ้านจึงขุดเจาะลึกลงๆปเรื่อยๆเป็นทางยาวและดิ่งลึกๆ  บางพื้นที่ยังเละเหมือนตม ผนังถ้ำเมื่อลูบดูมีทรายละเอียดนุ่มมือ บางแห่งเป็นหินปูนไหลและย้อยสวยงาม  ปัจจุบันอนุญาติให้ลงได้แค่ 55 เมตรเท่านั้น และไม่มีขุดเจาะทรายอีกแล้ว ด้านบนสร้างอาคารครอบ ประกอบด้วยพิพิธพัณฑ์ คาเฟ่บริการและบริหารของสมาชิกในชุมชนและคนที่รักหลงไหลการค้นพบถ้ำโดยเฉพาะ

สิ่งที่ฉันประทับใจมากๆคือพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงสิ่งที่เกี่ยวข้องทั้งอดีตและปัจจุบันที่เป็นวิทยาศาสตร์ ไม่ว่าการก่อเกิดถ้ำ หิน ดิน ทราย ป่าไม้ สัตว์ป่า แมลงและผู้คนให้ความรู้ทั้งเยาวชนด้วยระบบมัลติมิเดีย 

ด้านนอกอาคารยังเป็นสนามเด็กเล่นขนาดใหญ่ พื้นที่สาธารณะ ป่าไม้ให้มาทัศนะศึกษาที่ครบครันเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับพาเด็กๆมานะคะ คาเฟ่ขนมเค้กอร่อย หรือเตรียมปิกนิกมาเองยังได้ค่ะ

Kloster Blaubeuren โบสถ์

เป็นทั้งโรงเรียนสอนศาสนาและโบสถ์ อายุเก่าแก่และสวยงามมากๆ ถัดจากน้ำพุเย็นค่ะ มีค่าเข้าชมคนละ3 ออยโร สถปัตยกรรมโกทิก คานโค้งสูงสวยงามด้วยภาพเขียนสี และแท่นบูชาไม้แกะสลัก ด้านนอกเป็นสวนครัวเล็กๆ ฉันชอบแสงส่องเข้าผ่านโค้งประตูหน้าต่างมากๆ คิดว่ามาถ่ายรูปแบบพอร์ตเทรดจะสวยมาก บริเวณรอบๆโบสถ์มีอาคารเก่าแก่ที่สร้างในสมัยใกล้เคียงหลายหลัง กันมีจุดเด่นคือไม่ใช้ตะปูและโครงสร้างเป็นไม้ เราแวะเย็นแล้วพิพิภัณฑ์ปิด เลยได้เดินรอบสนามหญ้ารอบรูปปั้นน้ำพุเท่านั้น

Blautopf, Blaubeuren น้ำพุเย็นเบลาโทปฟ์

ห่างจากเมืองมิวนิกออกมาทาง เมืองอูล์มด้วยมอเตอร์เวย์ การเช่ารถยนต์ขับเองอาจจะต้องทำความคุ้นเคยเรื่องจราจรสำหรับคนไทยที่ขับรถฝั่งขวามือนิดหนึ่งค่ะเลนซ้ายรถเร็วขวาขับปรกติ “น้าพุเย็นที่เมือง เบลาบอยเรน เมืองเล็กๆที่มีลำธารสวยไสเขียวขจีพอๆกับสนามหญ้า มานั่งจิบกาแฟดูเป็ดเล่นน้ำหรือปูเสื่อปิกนิกที่สนามหญ้าสวนสาธารณะ หรือเดินชมเมืองที่มีอาคารเก่าแก่สวยงาม สัมผัสความเป็นท้องถิ่นและเงียบสงบน่าแวะมานะคะ 

น้ำพุฟ้าเทอร์คอย รอผู้คนมายืนถ่ายรูปจะเดินรอบหรือมีทางเดินตามไหล่เขาเล็กๆร่มรื่น ร้านขายของทีละรึก พิพิธภัณฑ์เล็กๆเกี่ยวกับกังหันน้ำ คทเฟ่จิบกาแฟแบบโรแมนติก และช่วงหน้าร้อนมีงานดนตรีตอนกลางคืนด้วย

Viktaulienplatz 2, Munich

หากจะเดินเล่นในตัวเมืองที่เป็นศูนย์กลางแล้ว เดินได้ทั้งวันอยากแนะนำให้มาที่ จัตตุรัสวิทัวเลียนปรัสท์ ไปมาสะดวกด้วยรถไฟใต้ดินสถานีโผล่มาหน้าหอหอคอยค่ะหากโชคดีได้ดูตุ๊าตาเต้นระบำ บริเวณเดียวกันมีห้างสรรพสินค้า มีโบสถ์คาทอลิกเซ้นท์ ปีเตอร์ที่สามารถขึ้นชมวิว 360 องศา ค่าปีนหอคอยด้านหลังโบสถ์บุคคลทั่วไป 3 ออยโรค่ะ ( ภายในโบสถ์ฟรี หากไม่มีพิธีสามารถเข้าชมและเดินรอบๆภายในโบสถ์ได้ค่ะ) พิพิธภัณฑ์ตุ๊กตา ตลาดสดประจำเมืองวิกทัวร์ขายผักผลไม้ อาหาร เสื้อผ้าและอื่นๆมากมาย มีสวนเบียร์ราคาสูงหน่อยตามปรกติเมืองท่องเที่ยวแต่นาลองใช้บริการค่ะ ร้านค้าสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษได้ดีค่ะ และมีโบสถ์บริเวณเดียวกันที่โปรดของฉัน เพราะมีงานแสดงศิลปะติดตั้งจัดแสดงหมุนเวียนตลอดปี ในบางเดือนมีแสดงดนตรีการกุศลด้วย

จัตตุรัสมาเรียฮิล์ฟ งานเครื่องปั้นดินเผา Mariahilfplatz, Munich

Mariahilfkirche

ออกเสียงใกล้เคียงมาเรียนพลัทซ์ แน่อยู่แล้วว่าคนล่ะที่จตุรัสมาเรียฮิล์ฟ ตั้งอยู่ฝั่งขวาของแม่น้ำอิซาที่ใหลผ่านใจกลางเมืองมิวนิก มีโบสถ์และหอระฆังสไตล์ นีโอ-กอทิกสูงเด่นเป็นสง่า โบสถ์โดนระเบิดสมัยสงครามโลกครั้งที่สองเสียหายไปกว่าครึ่ง ตัวหอระฆังยังคงอยู่และเห็นได้ชัดจากอิฐแดงๆส่วนตัวโบสถ์ต้องซ่อมแซมด้วยปูนเปือยและกระจกใสแทนกระจกสีสเตนกลาสแลดูใหม่มากจากพื้นถึงเพดานเลย

Carillon

ที่โบสถ์มีสิ่งล้ำค่าเป็นหน้าเป็นตานั่นคือ Carillon ระฆังโบสถ์ใหญ่ เสียงกังวาลและสวยงามมาก โบสถ์มีไกด์อาสาสมัครพาขึ้นชมการบรรเลง คาริลอน บรรไดวนกว่า 40 เมตร มีสามรอบ บ่าย 3,4และ5 โมงเย็นรอบละ 12 คนเท่านั้น ขึ้นไปพูดคุยกับนักบรรเลงและลองบรรเลงเองด้วย กลับลงมาก็บริจาคเป็นทุนสร้างและซ่อมแชมด้วยค่ะ ไกด์เล่าว่า คาริลอนปัจจุบันอายุ 60 ปีแล้วและเป็นความภาคภมิใจของโบสถ์ขนาดมาเรียนพลัทซ์ต้องชิดซ้าย

Corillonist

งานแฟร์ประจำปี Auer Dult ของที่นี่ยังเป็นหน้าเป็นตาจัดทุกฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อนและใบใม้ร่วง คราวล่ะหนึ่งสัปห์ดา ในงานมีเครื่องเล่นอย่างงานวัดที่เมืองไทย มีชิงช้าสวรรค์ เครื่องสวิง ยิงปืนโยนกระป่องแลกตุ๊กตา น่าสนุกมากสำหรับทุกเพศวัยในครอบครัว และสวนของขายเซรามิกและงานหัตกรรมจากผู้ผลิตโดยตรงและของเก่าราคาแพง โซนของอาหาร (ฉันชอบการมัดจำขวดและภาชนะ นำกลับมาคืนเจ้าของร้าน ผู้ซื้อเก็บกวาดสำหรับลูกค้าคนอื่นๆ ลดขยะไปในตัวด้วย)แต่ราคาค่อนข้างสูง และโซนสุดท้ายขายของทันสมัยของใช้ในครัวเรือราคาถูกคุณภาพดี

Auer Dult Markt

Neptune Fountain at Alten Botanichen Garten, Munich

Neptune Fountain

เป็นสวนสาธารณะเล็กๆกลางเมืองใกล้สถานี Karlplatz ด้านหน้าเป็นลานน้ำพุ มีรูปปั้นพุเทพเจ้าเนฟจูนตั้งเด่นเป็นสง่า รอบๆเป็นแปลงดอกไม้สวยสดตลอดปี ด้านหลังเป็นพาวิเลี่ยนเล็กๆแสดงงานศิลปะ เข้าชมฟรี รอบลานน้ำพุมีม้านั่งพัก สวนไม้ยืนต้นสูงฉลูด เราเดินผ่านหลายครั้งพยายามเดินเลี่ยงและใช้ถนนแทน ไม่เดินลัดตัดผ่านสวนเนื่องจากรกครื้มแล้ว รู้สึกบรรยากาศแปลกๆ มีเด็กหนุ่มตัวผอมๆหน้าตาแขกๆเหมือนชนอพยพป้วนเปี้ยนแถวนั้นเยอะมาก ก็ไม่ถึงกลับน่ากลัวเพราะมีคนสัญจรไปมาขวักไขว่ไม่น้อย ฉันชอบเมืองใหญ่อย่างมิวนิกที่ผังเมืองมีพื้นที่สีเขียว พื้นที่สาธารณะให้นั่งพักและทำกิจกรรม นักท่องเที่ยวอย่างฉันไม่มีความจำเป็นต้องเดินเข้าคาเฟ่ทุกครั้งที่อยากนั่งพัก หลายครั้งที่ฉันพกน้ำดื่มและทำแซนวิชติดกระเป่ามานั่งลอยชายและกินข้าวในสวนธารณะอย่างนี้  อาคารเล็กจากมุมนี้เป็นหอแสดงงานศิลปะ หมุนเวียนทุกสามเดือน เข้าชมฟรีค่ะ

ตลาดเปิดท้ายขายของมือสอง Flohmarkt Daglfing, Munich

เสน่ห์ของตลาดเปิดท้ายขายของ ไม่ว่าจะเปลี่ยนแล้วกี่มือไม่สำคัญ ที่ฉันชอบคือบรรยากาศและความตื่นเต้นที่เจออะไรๆที่แบบ เตะตาแล้วปล่อยผ่านไปไม่ได้ทั้งราคาก็แฟร์ สำหรับคนซื้อและคนขาย ของบางชิ้นยังใหม่สะอาดปล่อยตลาดเพราะเก็บไว้แล้วรกบ้าน หรือบางชิ้นหมดสมัย หรือของบางชิ้นขายดีกว่านำไปทิ้งเป็นขยะ ของบางชิ้นเป็นสิ่งที่คนซื้อกำลังมองหาและหลายอย่างมีศิลปินมาซื้อเป็นวัสถุดิบนำไปสร้างสรรค์เเป็นผลงานศิลปะ และก็เจอหลายชิ้นที่แบบ ใครจะซื้อ…

ตลาด ดากล์ฟิน เป็นสนามแข่งม้าเก่าแก่ของเมือง ยังมีการจัดแข่งม้าบ้างเป็นครั้งคราว วันศุกร์-เสาร์  ในฤดูร้อนเปิดเป็นตลาดเปิดท้ายฯ ใหญ่มากมีสินค้า พ่อค้าแม่ขายเยอะพอสมควร เดินสนุกแบ่งออกเป็นสามโซน โซนใต้ต้นไม้ร่มรื่นเดินสบาย โซนกลางเต้นเป็นของพ่อค้ามืออาชีพ ขายของถูกๆเหมือร้าน20บาทที่เมืองไทยและโซนสามแบบเปิดโล่งหน้าสนามม้าวันแดดร้อน ร้อนมากเลยและสนุกมากเช่นกันเปิดตั้งแต่ 6 โมงเช้าถึง 4 โมงเย็น วันศุกร์ของไม่เยอะเท่าวันเสาร์ค่ะ ยังมีตลาดเปิดท้ายในเมืองอีกสองสามแห่งแต่ขนาดเล็กกว่าและของไม่น่าสนใจเท่าที่นี่ เช่นที่ Olympiapark Flohmarkt und Flohmarkt Riem ค่ะ

 

Street Art – Munich

วันนี้พยากรณ์อาการบอกว่าแดดออก คือโอกาศทองและวันพิเศษสุดๆวันหนึ่ง  หอศิลปะ Pinakothek ไม่ใช่จุดหมาย ฉันออกไปตามหางานเก็บภาพ Street Art ที่อ่านเจอในหนังสือพิมพ์ดีกว่า มิวนิกขึ้นชื่อมากเรื่องรัฐบาลท้องถิ่นสนับสนุนการแสดงออกในแขนงนี้ นอกจากอนุญาติการอย่างถูกกฏหมายในบางพื้นที่แล้ว ยังมีการว่าจ้างงานเป็นเรื่องเป็นราว เช่นตามใต้สะพานทางด่วน แปลงเป็นที่จอดรถ รัฐบาลได้ค่าจอดรถ ศิลปินได้แสดงผลงานและค่าจ้าง ประชาชนรู้สึกปลอดภัยในการสัญจรดูปลอดภัยและเป็นมิตรด้วย สถานที่คลาสสิกอย่างทางรถไฟออกจะลำบากและเป็นเขตหวงห้ามแถมเส้นทางยาวเหยียดการนั่งรถไฟชมแบบผ่านๆก็รื่นรมย์ไปอีก ที่หาดูง่ายจะถนนเรียบแม่น้ำอิซาและใต้สะพานและแหล่งทีใหญ่และงานสมบูรณ์มาก ที่ฉันไปมาเมื่อวานคือ Hall of fame, Tumblingstrasse. มีงานแจ๋มๆจากศิลปินหลายคนด้านในเป็นสนามประลองงานและทดสอบฝึกปรือฝีมือ ฉันเจอและพูดคุยกับศิลปินสามสี่คนกำลังเพ้นพ่นงาน และมีบางคนยังคงไม่อยากแสดงตัวปฏิเสธถ่ายรูปทำให้นึกถึงบุคคลิกเพื่อนศิลปินหนึ่งที่ปกปิดหน้าสเมอเวลาเรายกกล้อง

HIKING Öbersee – Röthbachfall เดินเขา ทะเสสาปโอ๊ะแบร์ น้ำตกร็อทบาค

หลังจากกินข้าวเที่ยงที่ท่าเรือบาร์โธโลเม่ เราต่อเรือมายังท่าเรือซาเล่ใช้เวลาไม่นาน มีเส้นทางเดินต่อไปยังทะเลสาปโอ๊ะแบร์ แบบง่ายๆรถเข็นเด็กเข้าได้เหมาะสำหรับทุกเพศวัย ป่าสนสูงชลูดแสงเงาสวยมาก อากาศชื้นทั้งปีมอสปกคลุมยังเขียวขจีเห็ดป่าขึ้นมาหลายชนิด ถ้าเป็นป่าดิบชื้นอย่างเมืองไทยจินตนาการว่างูและสัตว์แมลงมีพิษยั้วเยี้ยเลย ไม่เห็นมีใครนั่งปิกนิกสมมติฐานเอาเองว่าไม่ใช่คนในพื้นที่แน่ๆจึงมีคาเฟ่บริการสองร้าน ที่วิวสวยที่สุดในโลกก็ว่าได้ ขากลับจากเดินเขาเราแวะชิมเค็กเมล็ดดอกป็อปปี้และกาแฟรสชาติดีทั้งร้อนและเย็น

ทะเลสาปโอ๊ะแบร์มีวิวสวยและใครๆต้องถ่ายรูปคือเงาสะท้อนที่สวยใสขาดใจ เราเจองู Kreuzotto กำลังนอนผึ่งแดดขวางวิวพอดี จริงๆเป็นเรื่องยากที่จะเจองูในประเทศนี้ ถือว่าเรามีบุญ 555… ทางเดินจากจุดนี้ขึ้นเขาข้ามไปหนึ่งลูกเพื่อไปอีกฟากของทะเลสาปโอ๊ะแบร์เป็นเส้นทางที่ผจญภัย น่าตื่นเต้นและทดสอบนิสัยและน้ำใจเพื่อนร่วมทางได้ไม่น้อย แถวบ้านเรียก “เส้นทางวัดใจ” ทางเดินแคบขอบหน้าผา หินเขาชันและเปียกลื่นยังดีมีเส้นเชือกจับกันลื่นค่ะ วิวสวยและผาชัน รองเท้าเดินป่าหรืออย่างน้อยรองเท้าเล่นกีฬาแนะนำว่าจำเป็น ฟากนี้มีคาเฟ่เล็กบริการเบียร์และน้ำอัดลม และลงเล่นน้ำในทะเลสาปได้ค่ะ

เราเดินต่อไปยังน้ำตกร๊อทบาค 470 เมตรที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสายน้ำตกสูงยาวที่สุดในเยอรมันนี รอบๆเทือกเขาบริเวณนี้ยังมีอีกสองสามสายตกลงเป็นลำธารเล็กๆ ลงมารวมเป็นหนองน้ำก่อนจะจมหายใต้พื้น แล้วไหลรวมลงไปสู่ทะเลสาปโอ๊ะแบร์และเคือะนิก  มีเรื่องตลกในการข้ามลำธารเล็กๆเหล่านี้เป็นบททดสอบบางอย่าง นั่งสังเกตุมีวิธีข้ามเช่นไร นักท่องเที่ยวชาวจีนเก็บหินมาทำเป็นสะพานข้าม ลูกเสือและคนที่สวมรองเท้าเดินป่าเดินลุยน้ำผ่านไปหน้าตาเฉย ชาวตะวันตกบางคนถอดรองเท้า บางคนกระโดดข้าม บางคนเดินหาที่เหมาะสมก้าวข้ามฯลฯ

ทุ่งหญ้าดอกบานสะพรั่ง แมลง ผึ้ง ผีเสื้อ แสงแดด โขดหินและหน้าผาชันสูงชลูดของเทือกเขา Berchtesgaden Alps. สวรรค์บนดินอย่างในหนัง Sound of music.

Munchen-Konigssee ทะเลสาปเคือะนิก(ทะเลสาปแห่งพระราชา)

ก่อนซื้อตั๋วเดินทางต้องเช็คพยากรณ์อากาศวันต่อวันกันเลยนะ ถึงแม้จะเป็นหน้าร้อนก็ไม่รับประกันว่าฟ้าเปิดทุกวันเมื่อวานฝนตกเช้ายันเย็นหนาวมาก ดังนั้นเช็คสภาพอากาศก่อนหนึ่งวันเป็นเรื่องจำเป็น เราโดยสารรถบัสไป-กลับมิวนิก  ทะเลสาปใช้เวลา 6 ชั่วโมงค่ะหากไปเจอกับฝนทำใจยากที่จะบอกตัวเองว่า ” ใส่เสื้อมาผิดตัว ” เบาะนุ่มๆคนขับเปิดเพลงเบาๆ สามชั่วโมงกับทิวทัศน์สองข้างทางแป็ปเดียวจริงๆ รถบัสออกจากสถานีขนส่งกลางตรงเวลาเป๊ะ ถึงสถานีปลายทางทะเลสาปเคือะนิกก็เป๊ะเช่นกัน

ลานจดรถเต็มขนัดและเดินๆมุ่งหน้าไปท่าเรือก็เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว มากจากทั่วสารทิศทั้งเอเซียและตะวันตก รู้สึกคนจีนจำนวนไม่น้อยเลย  ถัดไปหน่อยกำลังก่อสร้างอีกสองสามปีคงจะมีกระเช้าไฟฟ้าชมวิวยอดเขาด้วย เราเดินมาต่อคิวซื้อตั่วล่องเรือที่ท่าคิวยาวเช่นกัน(เห็นว่าซื้อออนไลน์ได้แต่ลองแล้วไม่เวิร์ก) ปลายทางมีสองแห่งให้เลือกราคาไป-กลับ ลงที่ท่าเรือโบสถ์บาโธลาเม่  ผู้ใหญ่ 14.80 ออยโร ลงท่าเรือซาเล่ 17.80 ออยโร(แวะพักกินข้าวเที่ยงที่ร้านท่าเรือบาโธลาเม่ ปลาเทราส์อบเนยอร่อยมาก) ทั้งสองท่าเรือมีตั๋วเด็ก ตั๋วยกครัวปิดบอร์ดประกาศไว้ชัดเจนไว้ แถมมีตั๋วสำหรับสุนัขเหมาจ่ายด้วย 3.50 ออยโร

เรือที่เดินในทะเลสาปแห่งนี้ใช้เครื่องยนต์ไฟฟ้ามาตั้งแตปี คศ.1909 ล้ำสมัย สภาพธรรมชาติแวดล้อมยังสมบูรณ์และสวยงาม แม้มีด้วยกันตั้ง18 ลำ วิ่งรอกไปมาทุกวันกว่าร้อยปี ทะเลสาปไสเขียวมรกต โอบล้อมด้วยเทือกเขาสูงเฉียดฟ้า อากาศเย็นสดชื่น เครื่องยนต์เงียบมาก เสียงที่ได้ยินเฉพาะเสียงฮือฮาของนักท่องเที่ยว เสียงลั่นชัตเตอร์และเสียงไกด์ประจำเรือเล่าโน้นนี่

กลางทะเลสาบนายเรือเป่าแตรโชว์พาวเวอร์เสียงสะท้อนก้องกังวาลเจ็ดชั้น เคลิ้มเลย กระทั่งเป่าเสร็จเดินขอทริปกันตรงๆไม่อ้อมค้อมทั่วเรือเลยพ่อคุณ หุหุ