Florence

ฟลอเรนซ์ นอกจากความไพเราะของชื่อเมืองแล้ว ฉันก็นึกไม่ออกว่าที่นี่มีดีอะไร แต่รู้สึกได้ว่าอยากไปเยือนสักครั้งในชีวิต และโอกาศก็มาถึงหลังจากทั่วโลกหยุดกัน 2 ปีครึ่ง ฟลอเรนซ์อุณหภูมิสูง แดดจัดกว่ามิวนิค เป็นเดือนพักร้อนของสถาบันการศึกษา และหริษัทห้างร้านหลายแห่งด้วย

เดินทางจากมิวนิค-เยอรมนี เราพิจารณาสองทางเลือก คือนั่งรถไฟสายตรง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 ชั่วโมง หรือนั่งเครื่องบินใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

เราโดยสารด้วยเครื่องบินตรงจากมิวนิค ถึงฟลอเรนซ์ ด้วย  Air Dolomiti ราคาไม่ได้ต่างกันมาก

ทิวทัศน์ของเทือกเขาแอลป์สวยมาก เราเดินทางกลางเดือนสิงหาคม พอเข้าเขตอิตาลี ดินแดนทัสคานี (Tuscany) แห้งแล้งเป็นสีน้ำตาลเป็นส่วนมาก พอเข้าเขตฟลอเรนซ์จากมุมสูง แลดูทันสมัยมาก พอเครื่องแตะรันเวย์ต้องอุทานเบา ๆ นึกว่าร่อนลงสนามบินเชียงใหม่ค่ะ

จากสนามบินฟลอเรนซ์เข้าเมืองสะดวกสบายด้วยรถราง Tram ซื้อตั๋วเองจากตู้อัตโนมัติ 1.50 ออยโร ใช้ขึ้น-ลงร่วมกับรสบัส กี่เที่ยวก็ได้ภายใน 90 นาที ขึ้นมาแล้วก็สแตมป์หรือปั้มที่ตู้หน้าประตูเอง ตู้จำหน่ายตั๋วเมนู 4 ภาษาคือ อิตาเลี่ยน อังกฤษ ฝรั่งเศษ และสเปนค่ะ รับธนบัตและเหรียญออยโร และบัตรเครดิต/เดบิต ที่เมนูระบุไว้ 

ขนส่งสาธารณะนี้ใช้ระบบความซื่อสัตย์ ไว้เนื้อเชื่อใจล้วน ๆ มีป้ายเตือนเล็ก ๆ ค่าปรับ 250 ออยโร จากที่สังเกตตลอดทั้ง สัปดาห์ที่อยู่ฟลอเรนซ์ แทบทุกคนพอขั้นรถจะปั็มตั๋วกันทั้งนั้นค่ะ

รู้สึกว่ารถรางที่นี่เป็นมิตรกับผู้โดยสารไม่น้อยคือ จอดนานและมีเสียงสัญญาณด้วย (ไม่รีบปิดประตู ปู๊ดป๊าดอย่างมิวนิค)

เราพักโรงแรมกึ่งอพาร์ม้นท์ ชื่อ Alderotti Home นอกจากค่าห้องเช่าเราต้องจ่ายค่าธรรมเนียมนักท่องเที่ยวแก่เมือง( ที่คนไทยบางคนเรียก “ค่าเหยียบแผ่นดิน” คนละ 4 ออยโร ต่อวันด้วย) ห้องทั้งใหม่ สะอาด แถมมีตู้เย็น ถ้วยชาม หม้อ เตา แก้วไวน์ เป็นเพนทรีเล็ก ๆ ทำกับข้าวเองได้ด้วย

 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.