อีกสิ่งหนึ่งที่เกียวโตคล้ายคลึงกับเชียงใหม่บ้านของเราคือ วัดและศาลเจ้ามากมายพอๆกัน แต่เกียวโตมีโบราณสถานที่ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์กรยูเนสโกเยอะมาก มากจนการมาเที่ยวเราต้องเลือกว่าจะเดินตามลายแทงนั้นๆหรือ เลือกเดินชมเฉพาะที่สนใจเอาจริงๆ อย่างเช่น ศาลเจ้าคะโมะแห่งนี้ ตั้งอยู่นอกตัวเมืองเกียวโตมาทางตะวันออกเฉียงเหนือ ตามการไหลของแม่น้ำคะโมะที่ไหลจากเหนือไปทางตะวันออกของเมือง ศาลเจ้าคะโมะเป็นศาลเจ้าคู่แฝด เรามาศาลผู้พี่คะโม วาเคอิคาสุชิ (ห่างไปอีกตามลำน้ำราว 3.5 กิโลเป็นศาลเจ้าเบื้องล่างผู้น้อง) เรานั่งรถเมล์จากตัวเมืองอย่างเพลินมาลงที่ป้ายจอดหน้าศาลเจ้าเลย ทางเข้าก็เช่นเคยคือแปลนทางเดินเป็นหินกรวด ให้เดินกว้างกว่าเดิมเพราะต้องเป็นทางออกหลัก เห็นมีธงปักเป็นทิวแถว ทราบภายหลังว่าเมือกลางเดือนพฤษภาคมมีเทศกาลสำคัญประจำปีด้วย
ศาลเจ้า วาเคอิคาสุชิ มีสัญลักษณ์โดดเด่นคือประตูสีส้มแปร่น สูงสง่าเห็นได้จากไกลๆ อ้อชาวญี่ปุ่นก็มีความเชื่อเรื่องเทพเจ้าและการทำนายทายทักพอๆกับคนไทยเช่นกัน เห็นจากก่อนเข้าประตูด้านซ้ายมือเป็นคอกไม้ม้าหมอดู เห็นมีคนใช้บริการเยอะทีเดียว
ศาลเจ้าแห่งนี้เข้าฟรีนะคะ เป็นศาลเจ้าเก่าแก่สร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพเจ้า ดังนั้นภายในศาลจึงมีศาลเล็กศาลน้อยเยอะเต็มไปหมด และสิ่งหนึ่งที่นำมาสักการะศาลเจ้าคือสาเกจากที่เห็นถังเปล่าตั้งเรียงเป็นกำแพง เมื่อข้ามประตูเข้ามาเห็นศาลาทรงเตี้ยและมีลานกรวดและกองทรายสองกองตรงหน้า เล่ากันว่าสมัยก่อนพระจันทร์จะสะท้อนลานกรวดเข้าสู่ศาลาในยามกลางคืน วันนี้มีประกอบพิธีแต่งงานด้วย เราจึงได้เห็นพิธีการ อันงดงามหลายอย่างตามมา ส่วนขวามือมีวงหรีดขนาดใหญ่ให้เราก้าวข้ามเชื่อว่าปัดเป่าละให้โชคลาภบางอย่า มีวิธีการบอกไว้ไม่ใช่ข้ามกันมั่วๆนะคะ พอเราเริ่มข้ามคนอื่นก็ทำตามเป็นพรวนเลยคะ ถัดมาด้านหลังมีบ่อน้ำตกจะเห็นบ่อน้ำแบบนี้แทบทุกวัดและศาลเจ้า ก็มีวิธีการชะล้างที่ถูกต้องเช่นกันดีมากมีพี่มะลิแนะนำพิธีวิธีการเยอะจัด มีศาลเจ้าอีกมากมายแต่เราก็ละไว้ เอาแคพอเหมาะพอดีละกัน มาถึงตรงเสี่ยงทายคราวนี้เราไม่เสี่ยงทายอะไร ที่นี่น่ารักด้วยไอเดียที่หากใบไม่ถูกใจไม่นำกลับไปด้วย เป็นเกาะยิ้มโครงไม้ไผ่ให้คนผูกคำทำนายน่ารักและสร้างสรรค์เอามากๆคะ หลังจากไหว้เจ้าและแอบดูพิธีแต่งงานนานเป็นชั่วโมง ได้เวลาออกมาเดินตลาด ศิลปะหัตกรรม ที่มีขึ้นทุกวันอาทิตย์ด้านหน้าประตูทางเข้าศาลเจ้าคะ