ไม่ว่าจะเดินทางมาหอศิลป์ บุคไคล์ม ด้วยทางเรือสำราญหรือทางรถไฟ ก็ต้องเดินผ่านหมู่บ้าน แบร์นเรียด์ เราเดินทางมาในเดือนกรกฎาคม หน้าร้อนแดดจัดฉันเดินสวมหมวก กางร่มใส่แหว่นดำกันแดด ท้องฟ้าสีคราม ทะเลสาปสีเขียว หมู่บ้านประดับตกแต่งด้วยดอกไม้สวยงาม สีสันสดใส บ้านหลายหลังยังครึ่งปูนครึ่งไม้ ในสวนปลูกแอปเปิ้ล ลูกแพร์ แบ่งสวนปลูกผักและสมุนไพรก็มี เราแวะเข้าโบสถ์ประจำหมู่บ้าน แวะซื้อน้ำเย็นที่ร้านขายของชำ เดินผ่านเสาหลักหมู่บ้าน เสาหลักนี้สูงเกือบสามสิบเมตรติดธงแสดงให้เห็นว่าหมู่บ้านมีอะไรที่เห็นมีร้านอาหาร ท่าเรือ ร้านขนมปัง ช่างทำกุญแจ เฟอร์นิเจอร์ เป็นต้น หมู่บ้านค่อนข้างสงบเงียบน่าอยู่ ถึงแม้จะเป็นเมืองที่มีรถไฟผ่าน นักท่องเที่ยวก็ไม่พลุกพล่านยังคงกระจุกตัวกันแค่ริมทะเลสาปมากกว่า นอกจากเอ่ยขอซื้อน้ำดื่มก็ไม่ได้เอ่ยปากสนทนากับคนแปลกหน้าเลย จะมียิ้มหวานให้กับคนเดินผ่าน คงไม่ใช่คนท้องถิ่นแน่ๆ
Category: Germany
Starnberger See
เป็นหนึ่งในห้าทะเลสาปน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในเยอรมันนี ทะเลสาปสตาร์นแบร์ก ห่างจากมิวนิกประมาณ 25 กิโลมตร เรานั่งรถไฟมาลงที่สถานีสตาร์นแบร์กเพื่อต่อเรือสำราญไปเที่ยวหอศิลป์ บุคไคล์ม เรือสำราญบริการเฉพาะช่วง เมผษายน ถึงตุลาคมเท่านั้นนะคะ หากจะขับรถมาก็สะดวกอีกทาง ไม่อยากนั่งเรือมาเดินป่าหรือปั่นจักรยานรอบทะเลสาปยังได้แค่ 47 กิโลเอง
เราจองแพ็กเกจเดย์ทริป นั่งรถไฟ ล่องเรือสำราญและเข้าชมหอศิลป์ จองตั๋วและวางแผนเที่ยวได้ที่นี่ค่ะ http://www.seenschifffahrt.de ล่องเรือตอนเช้าอากาศเย็นสบาย สองฝั้งริมน้ำสวยงามด้วยป่าไม้ รีสอร์ท บ้านและสวนส่วนตัว กีฬาทางน้ำ และปาร์ตี้ริมฝั่งน่าสนุกมาก ห่างออกไปหน่อยสามารถมองเห็นบ้านพักริมน้ำ(ปราสาท)ขององค์ประมุขไทยรัชกาลที่10 อยู่ลิบๆ ภายในเรือบริการอาหารและเครื่องดื่ม ชิมเค้กอร่อยและกาแฟคนล่ะถ้วย ในวันเดินทางแดดจัดสมาราถเห็นวิวเทือกเขาแอล์ปด้วยค่ะ ขากลับเรานั่งบนด่านฟ้าของเรือจิปเบียร์เย็นๆชื่นใจมาก ผิวนี่เกรียมสีชมพูเป็นกุ้งเผากันเลย
Buchheim Museum der Phantasie
ครั้งแรกที่มาที่นี่เพราะแฟนเอาใจ เห็นว่าตอนนั้นฉันกำลังทำโปรเจค สตรีทอาร์ทที่เชียงใหม่ และในปีนั้นที่บูคไคล์ม มิวเซียมจัดแสดงนิทรรศการ สรีทอาร์ทอยู่ด้วย (นิทรรศการหมุนเวียนผ่านไปแล้วแต่ปัจจุบันยังมีผลงานหลายชิ้นให้ชมที่สนามหน้าและภายในอาคารค่ะ รับรองตื่นตาตื่นใจ)
การเดินทางมาพิพิธภัณฑ์จากมิวนิกได้หลายทางแต่ขอแนะสองทางคือ ด้วยรถไฟ S Bahn สาย 6 มาลงที่สตานแบร์ก Starnberg Station เพื่อต่อเรือสำราญที่ Starnberg See ในช่วงเมษายน -ตุลาคม ของปีเท่านั้น ตรวจสอบตารางเดินเรือและซื้อตั๋วที่นี่ค่ะ Bavarian lakes จากท่าเรือเดินต่ออีกประมาณกิโลเมตรผ่านหมู่บ้านมายังหอศิลป์
หรือจะนั่งรถไฟยิงยาวจากมิวนิกไปลงที่สถานี แบร์นรีด Munich – Bernried จองตั๋วและวางแผนการเดินทางเช็คจากเว็ปไซด์ www.reiseauskunft.bahn.de ตอนซื้อตั๋วเข้าชมหอศิลป์โชว์ตั๋วรถไฟได้ส่วนลดคนละหนึ่ง ออยโร แน่ะ(ปรกติก 8.50 ออยโร) จากสถานีมาหอศิลป์เดินผ่านหมู่บ้านประมาณสองกิโลเมตรหรือแท็กซี่ประมาณ 7 ออยโรค่ะ
ความพิเศษของหอศิลปะแห่งนี้ประกอบด้วยเรื่องเด่นทางด้าน สถาปัยกรรมที่ออกแบบได้ล้ำสมัยในด้านสิ่งแวดล้อม หอศิลป์ตั้งรายล้อมด้วยสวนป่าร่มรื่นด้านหลังเป็นเนินเขา ด้านหน้าริมทะเลสาปโรแมนติในความรู้สึกของเรา และสุดท้ายคือเป็นหอศิลป์ที่จัดแสดงงานศิลปะแนวอิเพรสชั่นนิส โดยเฉพาะทั้งหมุนเวียนและนิทรรศการถาวร รวมถึงเป็นสถาที่เก็บสมบัติของ แฮร์โลธาร์ กุนเธอร์ บุคไคล์ม ศิลปิน นักสะสมงานศิลปะ นักเขียนชื่อดังของเยอรมันนี
ไอเดียสร้างสรรค์จากการดูงานศิลปะที่นี่ ปฏิมากรรมจากเศษไม้ เศษเหล็กและขยะ หุ่นปั้นคาแร็กเตอร์ตลกและการมีส่วนร่วมองผู้ชมงาน ห้องปฏิบัติการให้เด็กๆสนุกและเป็นการปลูกฝังอีคิว นิทรรศการหมุนเวียน วัตถุโบราณล้ำค่าหลายชิ้นจากเอเซีย(พระพุทธรูปไม้ลงรักปิดทอง เครื่องเขินและงานไม้อีกหลายชิ้นไม่แน่ใจว่ามาจากพม่าหรือทางเหนือบ้านเรา) แอฟริกา เครื่องแก้วอาร์ทนูโว่ ฯลฯ ร้านของขายที่ระลึกทีงานดิไซด์แปลกๆน่าซื้อติดมือ
ส่วนตัวชื่นชอบที่จะมาที่นี่เอามากๆ แวะมาทุกครั้งต่อเติมพลังสร้างสรรค์และพักผ่อนจิตใจ ชอบชานที่ยื่นทอดยาวออกไปให้เห็นวิวสวยของทะเลสาบ ตัวอาคารที่ออกแบบเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ
Thailand to Germany
การเดินทางมาเยอรมันนีนั้นสะดวกมากโดยเฉพาะปัจจุบันมีสายการบินโลว์คอส และการโปรโมชั่นมากมายจากสายการบินอาหรับ คราวนี้เราบินด้วยสายการบิน เอทิแฮท ซื้อตั๋วตั้งแต่ยังไม่ขอวีซ่าด้วยซ้ำ ออกจะมั่นใจกว่าวีซ่าต้องผ่านแน่ๆ ทั้งๆทั้รู้ว่าบัตรโปรโมชั่นมีเงื่อนไขเปลี่ยนแปลงอะไรยุ่งยากและต้องจ่ายเพิ่มแพงมาก การขอวีซ่าไม่จำเป็นต้องซื้อตั๋วแค่ใบจองเที่ยวบินก็เพียงพอแล้ว
เรายื่นเรื่องขอวีซ่าเชงเกนประเภท “เยี่ยมเยียน” ที่สถานกงศุลเยอรมันนีประจำจังหวัดเชียงใหม่ เอกสารที่ต้องจัดเตรียมเกินดีกว่าขาดทุกอย่างตามเว็ปไซด์สถานทูตเยอรมันนีกำหนด กรอกแบบฟอร์มออนไลน์และปริ้นสำเนาออกมาเพื่อสะดวกยิงบาร์โค้ดตอนยื่นเอกสารและเป็นการประหยัดค่าธรรมเนียมพันบาท ปัจจุบันที่สถานกงศุลฯมีสัมภาษณ์ด้วย เจ้าหน้าที่ทางเชียงใหม่เป็นมิตรและบรรยายากาศผ่อนคลายกว่าที่กรุงเทพ 55.. ฝากนิดหนึ่งเกี่ยวกับรูปถ่ายประกอบ ต้องเป๊ะตามคุณลักษณะและห้ามแต่งภาพ แม้รูปจะเป็นฝ้าหน้าจะมีสิวก็ห้ามแตะ เพราะเครื่องสแกนมันจะไม่ยอมอ่านและต้องเสียเงินเสียเวลาอย่างข้าพเจ้าที่ดันไปลบเม็ดสิวเข้า
เพิ่งรู้ว่าใบเชิญจากเยอรมันนีและประกันการเดินทางสัมพันธ์กับระยะเวลาการพำนักที่สถานทูตอนุมัติวีซ่าโดยตรง การยื่นเอกสารที่บ่งชี้พันธะที่ประเทศไทยก็ทำให้การอนุมัติผ่านมีน้ำหนักเช่นกัน
การบินภายในประเทศด้วยสายการรบินที่เป็นพันธมิตรกับสายการบินอินเตอร์ช่วยประหยัดเวลา ลดความยุ่งยากเรื่องสำภาระและสะดวกสบายในการต่อเครื่องเอามากๆแนะนำค่ะ
อาหารถูกปาก มีหนังถูกใจให้ดู การเดินทางราบเรียบไม่ระทึกกับสภาพอากาศ เครื่องลงที่สนามบินมิวนิกเอาตอนเช้าที่อาคารใหม่ เดินตามก้นแขกอาหรับที่มากันยกครัวเป็นกลุ่มๆ เวลาต่อแถว ตม. เราพยายามแยกตัวออกมาจะได้ไม่รอนาน จริงๆด้านข้างตู้ตม. มีเครื่องตรวจพลาสปอร์ตอัตโนมัติอยากลองใช้ แต่กลัวว่าหากขัดข้องต้องมาต่อคิวยาว ไว้ลองคราวหน้าจะลองดูและมาเล่าให้ฟังค่ะ สิ่งสำคัญที่เราควรติดตัวเป็นแผ่นกระดาษไว้ ตม.มักถามหาคือตั๋วเดินทางแสดงขากลับ เพราะวีซ่าระบุการพำนักค่อนข้างชัดเจน เจ้าหน้าที่จะย้ำในจุดนี้มาก เพราะมีผลกระทบในการขอวีซ่าครั้งถัดไป เสร็จจากตม. ขึ้นขบวนรถไฟใต้ดินเพื่อไปรับกระเป๋าเดินทาง ออกจากตู้รถไฟเป็นทางเดินเพดานใต้ๆ ผนังสีขาวๆสะอาดๆทำให้นึกถึงบางฉากในหนังเอเลี่ยนที่เหล่านักวิทยาศาสตร์เดินไปเดินมา มีกล้องวงจรปิดทุกขณะ กระเป่าเดินทางรับได้ตามสายพานที่ระบุเที่ยวบินชัดเจนหรือหมายตาผู้โดยสารที่เราเห็นบนเครื่องเอาไว้รับรองไม่หลงค่ะ รับกระเป๋าเสร็จแล้วเดินผ่านเจ้าหน้าที่”อย่ายิ้มเด็ดขาด” ไม่งั้นคุณจะโดนเรียก(สุ่ม)ตรวจ เข้าใจว่าเจ้าหน้าที่ที่นี่เป็นเสือยิ้มยาก การยิ้มเป็นเรื่องแปลก
เข้าเมืองด้วยรถไฟ ตั๋วซื้อได้จากตู้อัตตโนมัติ ขั้นตอนมีภาษาอังกฤษชัดเจน ไฮไลท์อยู่ที่ซื้อแพกเก็จสำหรับ ห้าคน มีใครเก้ๆกังๆแถวนั้นก็เรียกมาแชร์เลยคะ ประหยัดโขเลย อ้อตอนขึ้นพยายามนั่งใกล้ๆกันด้วยนะคะ เผื่อมีเจ้าหน้าที่มาตรวจ ชี้โบ้ชี้เบ้ได้ทันไม่ยุ่งยากอธิบาย
Eat Out
เพิ่งรู้สึกตัวว่าไม่ได้แนะนำร้านอาหารอร่อยที่ใหนเลยในเมืองมิวนิก นั่นคงเป็นเพราะว่ามาเยี่ยมแฟนเลยทำอาหารกินเองซะส่วนใหญ่ จะมีบ่อยที่ออกไปสวนเบียร์หลังเลิกงานและไปบาร์บีคิวบ้านเพื่อน อย่างเวลาออกไปเที่ยวเองข้างนอกส่วนมากจะซื้อขนมปังและซื้อแฮม ชีส หรือผักจากซุปเปอร์มาร์เก็ตทำเป็นแซนวิสนำติดตัวไปกินด้วย อร่อยถุกปากถูกใจ สบายกระเป๋า
เคยไปซื้อข้าวกลางวันกินที่ร้าน Dinos ถูกจริงแต่รสชาติไม่ถูกใจ แต่ที่ชอบมากๆคือแวะดื่มกาแฟ เค็กและไอศรีมมาหลายร้านคือแบบนี้อร่อยแน่ๆ ส่วนจากประสบการณ์หากซื้อกินจากข้างนอกเช่นแซนวิสหรือขนมปังพร้อมกินในราคาสบายกระเป๋าและรสชาติถูกปากแนะนำร้านใน U-Bahn, S-bahn หรือตาม Kiosh คะ
อาหารที่สวนเบียร์จะขายไม่ก็ชนิดที่เป็นที่นิยมของคนเยอรมันคือขนมปัง Pretsel แบบชิ้นใหญ่ เล็กก็มีกินกับครีมชีสบด ขาหมูทอด ซี่โครงย่าง ไก่ย่าง ปลาย่างและสลัดคะ
หอคอย Olympic Tower, Munich
หอคอยโอลิมปิก คือหนึ่งในสัญลักษณ์ประจำเมืองของมิวนิก ไม่ว่ามองจากมุมใหนของเมืองด้วยความสูง 291 เมตรก็จะเห็นหอคอยนี้โดดเด่นเป็นสง่าเฉียดฟ้า สร้างเมื่อตอนมิวนิกเป็นเจ้าภาพงานแข่งขันโอลิมปิก ปี 1972 และยิ่งไปกว่านั้นวัสดุที่ใช้คือเหล็กและกระจกชนิดพิเศษ นำสมัยมากในยุคนั้น โอลิมปิก พาร์คก่อสร้างด้วยงบมหาศาล ปัจจุบันใช้ประโยชน์ได้อย่างคุ้มค่าพอสมควรในการจัดกิจกรรมและการแข่งขันกีฬาต่างๆ ส่วนหอคอยมีรายได้จากค่าบัตรขึ้นชมวิวและ ร้านอาหาร ในแต่ละปีมีนักท่องขึ้นชมวิวเยอะมาก
หอคอยเปิดบริการให้ขึ้นชมวิวของเมืองได้ตั้งแต่เวลา 9โมงเช้ายันเที่ยงคืน สะดวกขึ้น-ลงด้วยลิปที่ความเร็วแค่กลั้นหายใจ 7 เมตรต่อวินาทีขึ้นถึงยอดแทบไม่รู้สึกตัว วิวจากมุมสุงนี้มองเห็นได้สุดลูกหูลูกตาและดีกว่าหอคอยโบสถ์กลางเมืองคะ แถมด้วยวิวระยะล่างสุดคือหลังคาอาคารโอลิมปิก พาร์คโยงกันแลคล้ายใยแมงมุมหน้าหนาวโดนหมอกเช้า แต่ดูจากด้านล่างบางคนบอกเหมือนปลากระเบน ส่วนตัวเห็นเหมือนทอดแหมากกว่า ด้านบนยังมีกล้องส่องทางไกลและตู้ปั้มเหรียญเป็นที่ระลึก มีพิพิธภัณฑ์สำหรับแฟนเพลงพันธู์ร็อกและชั้นล่างถัดลงมาเป็นร้านอาหาร(เราไม่ได้แวะเลยเนื่องด้วยต้องจองโต๊ะล่วงหน้าเท่านั้นคะ)
Tollwood Sommerfest
งานเทศกาลประจำปีที่ทุกคนรอคอยในช่วงหน้าร้อน ในช่วงมิถุนายน-กรกฏาคมเป็นงานที่มีแนวคิดการจัดงานที่สร้างสรรค์ จากศิลปินนานาชาติด้านดนตรี ละครเวที ศิลปะและบุ้ทจำหน่ายงานหัตถกรรม อาหารและเครื่องดื่ม ไม่มีค่าเข้าร่วมงานทั้งนี้เจ้าภาพมีรายได้จากขายบัตรเข้าชมในบางรายการเช่นคอนเสริ์ตตอนกลางคืน การให้เช่าบุ้ท และจากสปอร์นเซอร์ งานนี้จึงมีผู้เข้าร่วมเป็นแสนต่อปี และมีการแสดงดีๆให้ชมฟรีตลอดงาน เช่นละครเวทีและแสดงพิเศษที่เป็นไฮไลท์ของงานจากศิลปินบางแขนง
เทศกาลทอลวู้ด จัดทางทิศใต้ของโอลิมปิค พาร์คบนพื้นที่กว่าสามหมื่นตารางเมตร และมีผู้เข้าร่วมงานเป็นหมื่นในแต่ละวัน ไม่อนุญาตินำรถยนต์ส่วนตัวเข้าหรือผ่านบริเวณงาน มีรสเมล์สายผ่านสะดวกสบายเช่นเคยคะ ชาวมิวนิกนิยมปั่นจักรยานมาร่วมงานเจ้าภาพจัดพื้นที่ให้เป็นการเฉพาะ เป็นงานที่เหมาะสมกับทุกคนทุกวัยในครอบครัวคะ
งานไตรกีฬาสุดแนว Munchen MASH, Munich.
หากมายุโรปในช่วงระยะเวลาวันหยุดพักร้อนสั้นๆ ช่วงหน้าร้อนดีที่สุดแล้วคะ ระยะเวลากลางวันยาวกว่ากลางคืนพระอาทิตย์ขึ้นตั้งแต่ตีสี่ครึ่ง กว่าจะมืดก็สี่ทุ่มห้าทุ่มเลยทีเดียว และแถวยุโรปทุกเมืองการคมมนาคมขนส่งสารธารณะสะดวกสะบายมากคะ แถมด้วยหน้าร้อนจะมีเทศกาล กิจกรรมนั่นเยอะมากทั้งแบบจ่ายสตังค์และแบบฟรี ที่มิวนิกมีงานเทศกาลประจำปีที่อยากแนะนำเพราะชื่นชม ชื่นชอบเทศการนี้มาก เช่น
Munchen MASH เป็นการแข่งขัน Street Sport กีฬาของคนสุดแนว มีด้วยกันสามประเภทคือ สเก็ตบอร์ด เซิฟบอร์ด และจักรยานฝาดโผน สามวันเต็มๆ เรามาร่วมงานในวันที่สองยังเร้าใจไม่แพ้วันชิงแชมป์ งานนี้ฟรีเพราะมีสปอร์นเซอร์ใหญ่ๆเช่น เครื่องดื่มชูกำลังเรดบลู หรือนาฬิกาเจ้าดังแห่งสวีสฯ และอื่นๆ มีงานออกร้านวัสดุและอุปกรณ์เกี่ยวเนื่องกับกีฬาทั้งสาม และอื่นๆที่ออกแนวอินดี้ๆและตอนเย็นมีคอนเสริต์ด้วย
กีฬาเหล่านี้ในเมืองไทยจะโดนต่อว่าเป็นเด็กเหลือขอเล่นซะส่วนใหญ่ ที่เยอรมันกลับส่งเสริมอย่างเป็นการเป็นงานเพราะเชื่อในพลังและความอัฉริยะของคน นอกจากนี้ในงานยังรณรงค์รักษาสิ่งแวดล้อมและรับผิดชอบต่อส่วนรวม เช่นแก้วเบียร์ที่มีค่ามัดจำและนำมาคืนที่บุ้ทขายไม่เป็นขยะไม่เป็นภาระ ในงานที่มีคนเข้าร่วมเป็นหมื่นๆเช่นนี้ เป็นต้น
อาหารเครื่องดื่มค่อนข้างแพง แต่เราสามารถนำมาเองสำหรับปิกนิกได้คะ การหัดดื่มเบียร์ให้คล่องจะรู้สึกคุ้มเพราะน้ำเปล่าหนึ่งแก้วราคาเท่าเบียร์หนึ่งแก้วคะ งานนี้จัดขึ้นทุกปีที่โอลิมปิค พาร์คในสุดสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมิถุนายน หากไม่อยากพลาดติดตามได้จากเพจของงานคะ
ปราสาท Schlossanlage Schleissheim//3, Munich
Lustheim น้องเล็กสุดในอาณาจักรปราสาทแห่งนี้คะ สร้างขึ้นประมาณปี 1684 เคยเป็นห้องพักล่าสัตวของปราสาท ปัจจุบันใช้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมและจัดแสดงกระเบื้องพอสเลน ไมซเซน Meissener Porzellan ที่ใหญ่ เยอะและน่าอัศจรรย์มากๆ สำหรับใครที่ชื่นชอบงานเซรามิกสามารถมาเรียนรู้และศึกษาแบบประวัติศาตร์ แบบเทรนด์ รูปทรงประดับประดาตามยุคสมัยรวมถึงกลิ่นอายตะวันออกอย่างจีน อินเดีย หลายชิ้นแสดงถึงการล่าอาณานิคมด้วย มีตั้งแต่ตู๊กตาชิ้นเล็ก ถึงรูปปั้นชิ้นโต และโถ จาน ถ้วยชาม บัตรเข้าพิพิธภัณฑ์บุคคลทั่วไป 3.50 ยูโรคะ
ปราสาท Schlossanlage Schleissheim//2,Munich
New palace เป็นอาคารหลังใหญ่ที่สุดของปราสาทคะ ตกแต่งภายในด้วยศิลปะแบบบาโร็ควิจิตรหรูหรา ทั้งโคมไฟแซนเดอร์เลีย เฟอร์นิเจอร์ทุกห้อง บันไดและพื้นห้องจากหินอ่อน หุ่นปั้น Struccoประดับเสา คาน เพดาน ภาพจิตรกรรมปูนเปียก Fressco ภาพสีน้ำมันแขวนผนังเช่น Caravaggio ฯลฯเสียดายที่นี่ไม่มีเครื่องบรรยายให้ เลยต้องยืนอ่านป้ายให้รู้เรื่องก่อนชมงาน แต่ดีหน่อยเป็นอังกฤษ
ชั้นล่างของปราสาทใช้จัดงานเลี้ยงต่างๆ ที่วิวสวนแบบฝรั่งเศสได้ชัดเจนจากบนนี้สวยมากและสวนป่าที่มีต้นไม้ใหญ่ทางเดิน ม้านั่ง น้ำพุ สวนเปิดให้เข้าชมฟรีคะ ในช่วงฤดูร้อนของทุกปีจะมีงานเทศกาล Sommer Classical Konzerte บัตรจองกันเต็มล่วงหน้าทั้งนั้น