Category: Eastern

เส้นทางนี้เป็นที่รู้จักในนาม ทุ่งโปรงทองค่ะ เป็นป่าชายเลนครอบคลุมพื้นที่กว่า 6,000 ไร่เต็มไปด้วยไม้ป่าชายเลนหลายชนิด ทั้งโกงกาง ลำพูโปรงขาวโปรงแดงและอื่นๆโปรงเห็นมีค่อนข้างเยอะใบหนาสีเขียวอ่อนเวลาต้องแสดงแดดจะออกแสงสีทองอร่ามคะ ทองเป็นสีมงคล ชาวบ้านเลยเรียกตามนั้น นอกจากเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติให้ความรู้จากข้อมูลที่ปิดบอร์ดไว้แล้ว ยังให้ความเพลิดเพลิน ไม่ว่าจะสำหรับถ่ายภาพธรรมชาติ ดูนก ดูปูและรบบนิเวศน์ชายเลนหรือเดินเล่นผ่อนคลายด้ายทางเดินสะพานไม้ยาวประมาณ2.8 กิโลเมตรคะ เราเห็นแว๊ปๆว่ามีบริการเรื่อยนต์ด้วยคะ และทราบจากสามล้อว่าออกเรือตอนกลางคืนในฤดูหิ่งห้อยด้วยนะคะ ทางเข้าทุ่งโปรงทองมีสองทางเดินหัว-ท้าย ไม่ว่าจะเริ่มจากจุดใหน จอดรถไว้ที่ใดก็มีชาวบ้านรวมตัวกันจัดเป็นคิวสามล้อบริการมีราคาเป็นมิตรและบอกไว้อย่างชัดเจนสะดวกสะบายคะ
เรามากันตอนบ่ายราวสี่โมงเย็นเริ่มต้นที่ท่าเรือแสมผู้ จอดรถแล้วเดินต่อเจอเรือให้เช่าและที่สามล้อจอดรอรับ-ส่งหากว่าใครเริ่มต้นเส้นทางมาจาก อนุสรณ์เรือหลวงประแสคะ หากไม่เช่าเรือก็เดินขึ้นสะพานเข้าเขตเส้นทางศึกษาธรรมชาติกันเลย เส้นทางบางช่วงต้นไม้ร่มรื่น บางช่วงที่เป็นป่าต้นโปรงเตี้ยเป็นทุ่งกว้างสำหรับถ่ายรูปกระทบแดดเป็นสีทองตัดกับท้องฟ้าสวย(บริเวณนี้คนเยอะเลยอดแต่เราได้ภาพโคลสอัฟต้นโปรงมาแทน)อากาศร้อนไม่ได้เอาร่มหรือหมวกมา เลยเดินต่อไปดูปูและอื่นๆคะ เวลาเดินหรือถ่ายรูปต้องระวังนิดหนึ่งนะคะ ไม้สะพานบางช่วงผุพังรอซ่อมแซมคะ ตลอดเส้นทางลักษณะป่าที่ผสมผสานกันหลากสายพันธุ์และทิวทัศน์ สักพักมาเจอศาลเจ้าแสมผู้กราบไหว้บูชากันตามความเชื่อคะ และตรงนี้ก็มีบริการเรือเช่าคะ ถ้าใครชอบดูนก ดูปูถัดจากบริเวณนี้ก็สวรรค์คะวิวทะเลด้วย มาตอนเย็นน้ำลงลมเย็นและสดชื่นจริงๆ จะเห็นว่ามีการปลูกโกงกางเพิ่มเติมเป็นหลายไร่คะ ดีใจจริงๆ เราสิ้นสุดเส้นทางก่อนค่ำ เห็นป้ายว่าบางวันมีตลาดนัดแถวนี้ด้วย แม้พลาดดูข้าวของตลาดท้องถิ่นแต่ได้ใช้เวลาเดินขึ้นเรือหลวงประแสก็มีความสุขสุดๆคะ เรานั่งสามล้อกลับไปเอารถที่จอดไว้ กระซิบนิดหนึงที่ป่าชายเลนแม้จะเป็นช่วงเย็นแต่ไม่มีแมลงหรือยุงเลยคะ

หลังมื้อเช้าก่อนนั่งเรือข้ามฟากกลับเข้าฝั่งระยอง เราทำการจองรถเช่าจาก AVIS ที่มีสำนักงานใกล้สุดคือสนามบินอู่ตะเภา บริษัทคิดค่าบริการส่งรถเพิ่มนิดหน่อยมันคุ้มกว่าเรานั่งรถตู้ไปรับรถเอง หลังจากศึกษาข้อมูลท่องเที่ยวมาพอสมควร หากอยากรู้และอยากเห็นว่าระยองมีดีมากมายกว่าหาดทรายแล้ว เราคิดว่าการเช่ารถเที่ยวเองเป็นเรื่องที่คุ้มค่ามากๆคะ เราพยายามติดต่อเช่ารถจากบริษัทท้องถิ่น เสียโอกาศนะเขาปิดทำการในวันหยุดราชการซะนี่

แฟนเราจองรีสอร์ททางเว็ปไซด์แนะนำท่องเที่ยชื่อดัง หลังจากอ่านคำวิจารณ์มาพักหนึ่งแล้ว ฮา…ณ  ร้านกาแฟ “รอเรือ”(เรารอรถ)ฝั่งตรงข้ามสถานีตำรวจ กาแฟอร่อย ราคาย่อมเยาว์ เจ้าของน่ารักและร้านติดแอร์นั่งรอสบาย “ลมทะเล รีสอร์ท”ลมพัดเย็นสบายสมชื่อคะ เราเช็คอินแล้วขับรถไปเที่ยววนอุทยานธรรมชาติทุ่งโปร่งทอง ที่อยู่ไม่ไกลจากรีสอร์ทก่อนที่ตะวันพลบค่ำ ถนนที่ระยองส่วนมากเป็นทางสองเลนและการขับรถในเวลากลางคืนในต่างถิ่น ไม่ใช่เรื่องโปรดของเราเท่าไหร่และถือว่าดีมากๆที่มีแฟนเป็นหนุ่มไอทีและเป็นนาวิเกเตอร์ได้ดีพอๆกัน หลงทางเสียเวลาไม่ใช่เรื่องใหญ่แต่เรื่องอุบัติเหตุเป็นเรื่องสำคัญเวลาขับรถเที่ยวต่างเมืองคะ เราใช้เส้นทางสายรองเพื่อหลีกเลี่ยงความเร็วของเพื่อนร่วมทาง ที่อาจมั่นไส้ที่เราขับรถกินลม พร้อมข้อดีอีกเป็นการสำรวจเส้นทาง สำหรับงานอดิเรก Openstreetmap.org ที่พวกเราอาสาสมัครทำมาหลายปีด้วย

“ลมทะเล รีสอร์ท” ที่เราเข้าพักไม่ใหญ่แต่ว่าโลเคชั่นสวยและบริการมีมาตรฐานโรงแรมในระดับดี ช่วงนี้ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยว มีเราสองคน และคนไทยเพิ่งแต่งงานกับชาวต่างชาติและครอบครัวมาฮันนีมูนกัน ส่วนราคาอาหารมื้อเย็นก็เหมาะสมกับคุณภาพ หลังจากอิ่มหนำสำราญกับบุฟเฟ่อาหารเช้าเราลงสระว่ายน้ำ ซึ่งถือเป็นไฮไลท์ของที่นี่เพลิดเพลินกับทิวทัศน์ที่สวยจับใจแขกน้อยรู้สึกเป็นส่วนตัวสุดๆ เสียดายจังว่าเราจะพักแค่คืนเดียว ไม่มีโอกาศเดินเล่นชายหาดส่วนตัวที่ทอดยาวเป็นกิโลๆ มีช่วงเช้าเดินชมพระอาทิตย์ขึ้นที่แหลมแม่พิมพ์ที่อยู่ถัดไป เก็บสตังค์แล้วจะกลับมาพักอีกคะ

เที่ยวทะเลสเม็ดคราวนี้เราตั้งใจว่าจะออกเรือไปดำผิวน้ำดูปลาเล็กปลาน้อย พอแฟนมีไข้เลยเปลี่ยนมานอนอ่านหนังสือผ่อนคลายขอบสระแทน บ่ายแก่ๆมีลมทะเลเราออกไปเดินเล่นและสำรวจเส้นทางกัน ที่ท่ารถหน้าด่านจุดจอดรถสองแถวเขียวเจอร้านส้มตำ พี่คนขายเป็นคนงียบๆเราเลยไม่แน่ใจเธอเป็นคนอีสานหรือคนระยอง ส้มตำที่เราสั่งดูดีและอร่อย รสไม่จัด เธอล้างครกใช้ผ้าครอบปิดเครื่องครัวของเธอกันแดด กันฝุ่น และเห็นเธอนั่งสับมะละกอสดๆทุกครั้งที่มีคนสั่งด้วยคะ

เราเดินตามถนนสายหลักมาทางใต้มุ่งหน้าไปอ่าวทับทิม ถนนเส้นนี้ใช้ตัวหนอนปูยังกะเป็นทางเท้า แม้รถจะขวักไขว่แต่ก็ได้ความรู้สึกว่าปลอดภัยดี บริเวณนี้มีลานสาธารณะเล็กๆมีรูปปั้นตัวเอกนิทานพระอภัยมณีของท่านสุนทรณ์ภู่ ผ่านจุดนี้ไปเข้าอ่าวทับทิมที่เป็นโขดหินและหาดทรายเล็กๆมีศิลปินมาแสดงงานศิลปะที่นี่ด้วย บริเวณนี้เป็นรีสอร์ทราคาท็อปเช่นกันคะและร้านอาหารที่บล็อกและเพจท่องเที่ยวหลายที่กล่าวถึง เราแวะจิปค็อกเทล ตอนแรกจะสั่งอาหารแต่เห็นโต๊ะข้างๆรออาหารจนหน้างอกันเป็นแถว เราสั่งเก็บเงินก็รอกันเกือบชั่วโมงทั้งๆที่พนักงานเดินแทบชนกัน สงสัยว่าเพราะเหตุใดเลยขอบายย้ายก้นไปกินข้าวเย็น ที่หาดทรายแก้วอีกมื้อคะ ลมทะเลสดชื่นพาลจะหนาวเข้าไปนั่นในตอนพลบและน้ำทะเลไม่ขึ้นตอนเย็นอย่างหาดหัวหินค่ะ

หากเราเดินขึ้นไปทางเหนือของหาดทรายแก้วผ่านท่าเรือไปจะมีโรงแรมรีสอร์ทใหญ่ในเครือของสิงห์ ตกแต่งได้ฮิปมากดูท่าจถูกใจนักท่องเที่ยวชาวไทยห้องน้ำติดแอร์เย็นฉ่ำอีกต่างหาก เราแวะจิปกาแฟเย็นรสชาติดีราคาบวก VAT  นั่งชมวิวบนเทอเรส บรรยากาศโรแมนติกคะ

ทิ้งท้ายทริปพักร้อนเกาะเสม็ดนิดหนึ่งคะ ช่วยกันดูแลรักษาเกาะกันด้วยนะคะทั้งนักท่องเที่ยวและผู้คนที่ใช้พื้นที่ทำมาหากิน สาวน้อยเสม็ดจะได้อยู่กับเรานานๆ

อาหารที่เกาะสะเม็ดอย่าหวังว่าจะสดนะคะไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตว์หรืออาหารทะเลก็ตาม และถึงแม้จะมีเรือข้ามเกาะเยอะมากในแต่ะละวัน รสชาติหลายร้านใช้ได้ถูกปาก เช่นร้าน จิราวรรณ โอเต็ลที่หาดทรายแก้ว หมูแดดเดียวอร่อยมาก กุ้งเผาและอาหารไทยหลายจานอร่อยรสชาติจี๊ดแบบไทยๆ อีกวันเราแวะที่ร้านข้างๆสั่งกุ้งลายเสือเผา ก็ไม่สด อร่อยที่มีน้ำจิ้มไม่งั้นบ่นไปอีกสามวันค่ะ ฮา…

สิ่งหนึ่งที่เราชอบและเป็นเสน่ห์ของหาดทรายแก้วคือ การเล่นไฟ หนุ่มน้อยใหญ่กล้ามเป็นมัดๆถอดเสื้อควงไฟ ที่ชอบมากๆเป็นร้าน Zea Bar ที่เปิดเพลงประกอบการเล่นไฟได้จังหวะ เร้าใจสนุกมากๆ ไล่เรียงยาวตามหาดทรายแก้วยาวประมาณกิโลเมตรกว่าๆ ผับและร้านอาหารหลากหลายระดับนะคะทั้งนั่งพื้นกับหมอนสามเหลี่ยม หรือนั่งโต๊ะแบบตะวันตก บางร้านไม่มีคน บางร้านคนแน่นมากจนนึกว่าทัวร์ลง และบางร้านคาราโอเกะสดสนุกสนานเสียงดังแข่งกับเพลงของร้านข้างๆ ช่วงนี้เมืองไทยนักท่องเที่ยวจีนเยอะมากเช่นที่อื่นๆของประเทศคะ เราเดินออกสุดหาดทางใต้จำได้ว่าเป็นบาร์ขายค้อกเทลราคาดี รสชาติอร่อย เปิดเพลงในวอลลุ่มน่าฟังสนุกด้วยและบริกรบ้าๆบอๆมุกจัดสมชื่อ Friendly Bar นักท่องเที่ยวตะวันตกเยอะ

เพิ่งมาปีนี้ที่เราหยุดและเปลี่ยนรูปแบบการท่องเที่ยวแบบลุยสะพายเป้ มันรู้สึกอยากกลับไปมีชีวิตหรูหราอย่างช่วงสมัยหนึ่งหรือเอาแบบลุยโลดโผนน้อยลง ในวาระครบรอบสิบปีและครบรอบที่เรารู้จักแฟนที่นี่ เกาะสะเม็ดจึงเป็นทะเลแรกและพักร้อนแรกของปีของเรา เมื่อสามสี่ปีก่อนที่เกิดวิกฤตน้ำมันรั่วก่อความเสียหายให้สะเม็ดมาก พอฟื้นตัวทำให้หาดบนสะเม็ดสวยกว่าเดิมมากในความรู้สึกเราโดยเฉพาะหาดทรายแก้ว เราเลือกหาดนี้เพราะความคักคักทั้งกลางวันและยามค่ำคืน เราเลือกรีสอร์ทที่ระดับท็อปของที่นี่ Bell Villa Group ถือว่าใช้ได้ หลังจากเช็คจากเว็ปไซด์ท่องเที่ยวดังๆ อ่านคำวิจารณ์และเช็คราคา (คำวิจารณ์ทั้งดีและลบบนเว็ปหรือบล็อกต่างๆเราต้องใช้วิจารณาและความรู้ ความนักแน่นรับรู้ ไม่คล้อยตามจนขาดความเป็นตัวของตัวเองนะคะ ในบางที่เราก็คิดว่าคำวิจารณืนั้นเ่ว่อร์เกินไปจริงๆ)

รีสอร์ทไม่ติดทะเลแต่โลเคชั่นดีมากเดินแป็บเดียวถึงหาดและจุดจอดสองแถวที่วิ่งวนไปยังหาดต่างๆรอบเกาะ เราขับมอร์เตอร์ไซด์ไม่เป็นอ่ะ ทั้งยังเป็นทางผ่านไปท่าเรือหลักของอุทยานค่ะ รีสอร์ทมีแบบสามแบบ เราพักแบบวิลล่าส่วนตัวที่นี่ยังจัดสวนได้สวยเขียวคลึ้ม มีสระว่ายน้ำสองสระด้วย มาทะเลหน้าร้อนลงหาดเช้าๆหรือเย็นๆดีว่า ตอนกลางวันมันเหนียวเหนอะนะมากนะคะ อบอ้าวด้วย เปลี่ยนมาลงสระและอ่านหนังสือเล่มโปรดดีต่อสุขภาพคะ นอกจากครีมกันแดดแล้วขอแนะนำให้นำยากันยุงและแป้งเด็กมาด้วยนะคะ

ตั้องบอกว่าน้ำปั่นที่นี่สุดยอดจริงๆโดยเฉพาะมะพร้าวปั่นคะ ราคาห้องพักที่ดูจากเพจของโรงแรมและเอเจนซี่แพงเและตัดลดราคาแบบเว่อร์(แต่ทำให้เรายิ้มไม่หุบตอนจองนะคะบอกตรงๆ) บุปเฟ่อาหารเช้ารวมในราคาห้อง ทำให้อิ่มไปถึงมื้อเที่ยงเลย เมนูแบบไทยรสชาติใช้ได้ แต่แบบตะวันตกถ้าไม่เรื่องมากอย่างเราก็ถือว่าโอเค พนักงานภาษาพูดสำเนียงแปร่งๆแบบคนระยอง(และเพื่อนบ้าน) เป็นมิตรและสุภาพดีคะ ข้อติอื่นๆไม่มีจากที่พักกันสามคืนสามวันที่นี่

เมื่อตอนเป็นเด็กที่เติบโตห่างจากทะเล เราก็ฝันว่าสักวันต้องไปเที่ยวทะเล เมื่อโตพอมีเงินเก็บเป็นของตัวเองเวลาอยากไปเที่ยวจึงนึกถึงทะเล ด้วยเพราะบ้านเชียงใหม่ภูมิประเทศเป็นภูเขา ช่วงหน้าร้อนเช่น มีนา-เมษา ยิ่งคิดถึงทะเลเข้าไปใหญ่ ทะเลในเมืองไทยหลายแห่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวมีต่างชาติเยอะ ทำให้ค่าใช้จ่ายสูงเวลาจะเลือกไปทะเลจึงนึกถึง สะเม็ดเป็นที่แรกเลย ใกล้กรุงเทพและนักท่องเที่ยวก็เป็นคนไทยซะส่วนมาก จากเชียงใหม่เมื่อก่อนเรานั่งรถทัวร์เกือบเก้าชั่วโมง มาลงที่ระยองแล้วต่อสองแถวไปขึ้นเรือข้ามฟาก ปัจจุบันอ2559 เราย่นเวลาที่สะดวกขึ้นเยอะ แอร์เอเซียบินตรง เชียงใหม่-อู่ตะเพา แล้วนั่งรถตู้ราคาต่อคนคือ 400  บาทถ้าเหมาก็1300 บาทไปลงที่ ท่าเรือข้ามฟากบ้านเพได้เลยคะ 

พอมาถึงท่าเรือข้ามฟากเพื่อรอเรือไปเกาะสะเม็ดที่มีด้วยสามท่าก็แล้วแต่เราจะเลือกคะ รถตู้มาส่งเรราที่ท่าเรือเทศบาลฯบ้านเพ นี่ออกจะขัดใจนิดหนึ่งเพราะ เรารู้ถึงความระโมบและเห็นแก่่ตัวของคนขายตั๋วเห็นแก่ได้

เราซื้อตั๋วเรือด่วนขาไปคนละ350 บาทที่คนขายบอกว่า รอสิบห้านาที(แต่ปาเข้าไปกว่าหนึ่งชั่วโมง ) เรือใช้เวลาข้ามไปเกาะ 20 นาที่บอกเรือใหญ่ใช้เวลา หนึ่งชั่วโมงซึ่งไม่จริง ท่าขึ้นเรือสภาพดูไม่ออกว่าคือท่าเรือ และสุดท้ายคือโก่งราคาเราโดยขากลับนั่งเรือใหญ่ คนละ 150 บาท(เรามารู้ทีหลังตอนขากลับ จากเพื่อนร่วมโดยสารและป้ายที่แสดงไว้ที่ท่าเรือ)

เรามาลงที่หาดทรายแก้ว ประหยัดค่าสะพานไปคนละ ยี่สิบบาท ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานแห่งชาติและต่อค่าสองแถวเข้ารีสอร์ท (ตลกมากเราเจอครอบครัวหนึ่งจากเชียงใหม่ ที่ขึ้นเรือและเข้าพักในรีสอร์ทเดียวกะพวกเรายังกะมาด้วยกัน) หาดทรายแก้วช่วงเที่ยงวันสวยมาก