ไปใหนดีคะ อื้อ..ขออนุญาติเบรคเรื่องญี่ปุ่น-โอกินาว่าไว้สักแป๊บค่ะ ช่วงนี้อากาศกำลังดี จังหวะดีเราไปต่อกันแถวบ้านทุ่งเชียงใหม่กันก่อนดีใหมคะ ปัจจุบัน slow life กำลังฮิตติดลมบน ต่างความหมายต่างวิถีการทำความเข้าใจของแต่ละคน เมื่อสามสี่ปีก่อนได้อ่านหนังสือบ้านอุ้ม เล่มที่บอกว่า”ฉันจะเป็นชาวนา” แหมจะว่าไปสาวเมืองกรุงอารมณ์ศิลป อย่างคุณอุ้มเธอนี่เจ่งไม่เบาเลย แต่มีหลายเสียงบอกเชอะ! ไปได้กี่น้ำ เราไม่อยากพิสูจน์หรอกคะ ที่เป็นอยู่ปัจจุบันคือ เราไม่วิ่งตามเทรนด์ที่บอกว่านั่งหน้าคอมพิวเตอร์ในร้านกาแฟแล้วทำมาหากินจากตรงนี้ได้เป็นกอบเป็นกำ ตัวเราคงอดตายแน่ๆ และพลอยให้รู้สึกแก่ไปถนัดตาเพราะใจไม่มา ไม่ต้องการเอาดีทางนี้ สมองไม่ช่องว่างจะเรียนรู้ ขอใช้คอมพิวเตอร์เท่าที่จำเป็นล่ะกัน
หลังจากฝันตกปรอยๆมาเป็นสัปดาห์ ปีนี้แล้งมากนะคะ ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล กว่ากรมชลฯจะปล่อยน้ำให้ชาวนาได้ทำนานี่ล่วงเวลามาตั้งเดือนแน่ะ ทุ่งนาหลังบ้านเพิ่งมาเตรียมแปลงนา และปล่อยน่ำเข้านา เลยคิดว่าน่าจะมีหลายๆที่ใกล้เขื่อนที่เริ่มทำนาเร็วกว่า วันนี้เป็นวันแดดดี ฟ้าสวยขี้เมฆขาว แดดร้อนนิดหนึ่ง เลยขับรถกินลม ชมเมฆไปเรื่อย ตาสอดส่ายว่านาท้องใหนจะมีการปักดำกล้ากัน ผ่านหลายทุ่งเพิ่งจอแถวอำเภอสันทรายค่ะ
เดี่ยวนี้หลายหมู่บ้านร่วมกันเป็นสหกรณ์ นำเครื่องจักรขนาดใหญ่มาทดแทน ลดขั้นตอนและลดแรงงาน วิถีการทำนาเริ่มเปลี่ยนแปลงไปที่ล่ะนิดทุกปี ด้วยสาเหตุบางประการไม่ว่าจะด้วยลูกหลานไม่เอาแล้วกับอาชีพนี้ พัฒนาการเครื่องจักร และแรงงานที่มาจากเพื่อนบ้านอย่างพม่าและคนดอย แบบนี้คนท้องถิ่นไม่คอยพอใจกับฝีมือเท่าใดนักแต่ไม่มีทางเลือก ต้องปรับตัวและยอมรับวิถีใหม่ จะเห็นคะบางทุ่งที่ใช้เครื่องจักรใหญ่จะไม่มีคันนาให้เห็นแล้ว วันนี้เราโชคดีชาวนากลุ่มนี้เป็นคนเมืองท้องถิ่นและมีคันนาเหลือให้เห็น แสดงว่ายังไถนาด้วยควายเหล็กอยู่